แนะนำโดย ทนายภูวงษ์ โพธิ์ไทร ประธานเครือข่ายทนายความ

สวัสดีครับ ผมทนายภูวงษ์ โพธิ์ไทร ประธานเครือข่ายทนายความ เครือข่ายทนายได้เริ่มจัดตั้งเป็นนิติบุคคล ประเภท บริษัทจำกัด นับแต่ปี พศ. 2556 จนถึงปัจจุบัน วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งบริษัทเครือข่ายทนายความจำกัด คือ รวบรวมทนายความในแต่ละจังหวัดมาทำงานรวมกันในลักษณะของเครือข่าย แบ่งหน้าที่กันทำ รับผิดชอบงานที่ศูนย์เครือข่ายทนายความมอบหมาย ปัจจุบันเครือข่ายของเรามีสมาชิกทนายความทั่วประเทศกว่า 200 คน ที่ทำอาชีพทนายความอยู่ในแต่ละจังหวัด การเลือกทนายความ ผมได้แนะนะไว้ในหัวข้อ "วิธิเลือกทนายความ" ให้ท่านได้เข้าไปศึกษาและพิจารณาในการว่าจ้างทนายความแล้วครับ ส่วนในหัวข้อนี้คือ "เตรียมตัวไปพบทนายความ" เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ว่าเราจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้างก่อนที่จะไปพบทนายความ ก่อนไปพบทนายความท่านต้องได้ติดต่อขอรับคำปรึกษามาจากหัวข้อวิธีเลือกทนายความแล้ว คือให้ค้นหาทนายความจาก เพื่อน คนรู้จักและเสิร์ชเอนจิน (Search Engines) เช่น Google, Bing etc. เพื่อให้ได้ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของทนายความ จากน้้นก็โทรปรึกษาตามรายชื่อทนายที่คุณได้มา ปรึกษาทั้งเรื่องคดีความ ปรึกษาถึงเรื่องค่าใช้จ่าย วิธีการจ่าย รวมถึงแนวทางการต่อสู้คดีครับ เมื่อคุณขอรับคำปรึกษาเรียบร้อยแล้ว คุณก็ต้องได้คัดเลือกชื่อทนายความที่คุณคิดว่าใช่ทนายความคนนี้แหละที่จะดูแลคดีของเรา ให้คุณโทรนัดพบทนายความคนนั้นได้เลยครับ และควรเตรียมเอกสารต่างๆไปพบทนายความด้วยครับ เอกสารที่ควรนำไปดังนี้

1. บัตรประชาชนของคุณ
2. สำเนาคำฟ้องที่ศาลส่งมาที่บ้านคุณ
3. เอกสารที่คุณเตรียมฟ้องคดี เช่น สัญญา หลักฐานการสนทนากันในแชท เป็นต้น
4. พยานที่รู้เห็นในเรื่องที่ต้องการปรึกษาทนายความ

นี้เป็นเอกสารเบื้องตันที่คุณควรจะเตรียมไปพบทนายความครับ ที่สำคัญคือควรนัดพบทนายความที่สำนักงานทนายความหรือบ้านของทนายความคนนั้น เพราะเราจะได้ดูว่าที่สำนักงานมีทนายความกี่คน มีสำนักงานจริงหรือไม่ มีความน่าเชื่อถือมากหรือน้อยเพียงใด ถ้าคุณไปแล้วเห็นโต๊ะทนายความคนเดียว มีสำนวนหรือเอกสารกองเต็มโต๊ะทำงานเชื่อได้ว่าทนายความคนนี้ ไม่สามารถดูแลคดีคุณได้ครับ เพราะกว่าคดีคุณจะเริ่มต้นจนเสร็จคดีต้องใช้เวลานานพอสมควร ไม่มีเสมียนทนาย ไม่มีทนายผู้ช่วย ทำงานลำบากครับ เพราะจะไม่มีเวลาให้กับคุณและคดีของคุณ ในการนัดพบทนายความครั้งแรก ผมไม่แนะนำให้นัดพบกันที่ร้านกาแฟหรือสถานที่อื่นใดนอกจากสำนักงานทนายความครับ เครือข่ายของเราเตรียมเรื่องนี้ไว้ให้คุณแล้วครับ ทันทีที่คุณโทรมาที่คอลเซ็นเตอร์ 02 114 7521 เจ้าหน้าที่ของเราจะแจ้งให้ทนายในพื้นที่โทรหาคุณภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที เหตุผลที่ผมกำหนดเวลาไว้ 30 นาทีเพราะถ้าทนายที่รับงานแล้วไม่โทรหาคุณเลย ก็อย่าหวังว่าทนายความคนนี้จะดูแลคดีคุณต่อไปได้ หาทนายใหม่ได้เลยครับ มีปัญหาเกี่ยวกับทนายความในเครือข่ายแจ้งมาที่ผมได้เลย 081 803 4097 ผมจะพิจารณาว่าสมควรจะให้ทำงานร่วมกับเครือข่ายทนายความของเราต่อไปหรือไม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ เครือข่ายเรามีทนายความในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถดูแลคดีของคุณได้ เพียงโทรมาแจ้งผมครับ 

        การไปพบทนายความก็ต้องสงเกตุว่า ออฟฟิศหรือบ้านของทนายความเป็นอย่างไร น่าเชื่อถือหรือไป ไปพบแล้วก็ต้องพิจารณาตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือตกลงว่าจ้างทนายความท่านนี้ให้ดูแลคดีของคุณ เมื่อตัดสินใจว่าจ้างก็ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรกันไว้ในรูปแบบของสัญญาจ้าง แต่ก็ไม่ต้องห่วงเกินไป เพราะข้อความที่คุณสนทนากันในไลน์ก็ถือเป็นสัญญาแล้วครับ แต่อาจจะไม่มีเนื้อหาครบตามรูปแบบของสัญญาจ้าง ทำสัญญาจ้างกันไว้ดีกว่าเพราะไหนๆก็มาถึงสำนักงานทนายความแล้ว 

    เมื่อตกลงว่าจ้างกันแล้ว ก็ต้องมาว่ากันเรื่องจ่ายค่าจ้างกันครับ ว่าจะเหมาจ่าย หรือจ่ายเป็นครั้งๆที่ไปทำงานให้ หรือจะจ้างเป็นชั่วโมง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจทั้งสองฝ่ายครับ แต่ละอย่างก็มีทั้งข้อดี ข้อเสียครับ 

    ควรเลือกจ้างทนายความที่ติดต่อง่ายสะดวก โทรไปแล้วไม่รับสาย แล้วโทรกลับมาหาคุณ ควรเลือกจ้างทนายความที่มีช่องทางการติดต่อหลายๆทาง ไม่ใช่ว่ามีแต่เบอร์มือถืออย่างเดียว พอแบตหมด มือถือหาย มือถือเสียส่งซ่อม ติดต่อทนายความไม่ได้เลย เครือข่ายเราจึงมีคอลเซ็นเตอร์ไว้ให้บริการครับ คอลเซ็นเตอร์ของเราคือ 02 114 7521 ครับ โทรมาได้ทั้งก่อนและหลังเวลาทำงาน เรามีช่องทางเฟสบุ๊ค เวปไซต์ ไลน์ส่วนตัว ไลน์ออฟฟิศเชียล ฯลฯ 

    ที่สำคัญผมแนะนำให้ว่าจ้างทนายความที่อยู่ใกล้คุณครับ หรืออยู่ใกล้ศาลที่คุณมีคดีอยู่ เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกล ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าที่พัก ค่าเดินทางให้ทนายความที่ไปทำงานให้กับคุณ ทนายใกล้คุณจะหาที่ใหน หาได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 02 1147521 หรือเบอร์ที่คุณเห็นในสื่อของเครือข่ายทนายความครับ 

    ปัจจุบันมีมิจฉาชีพ ปลอมเป็นทนายความเยอะครับ คุณควรระวังให้มาก ผมจึงแนะนำให้คุณเดินทางไปพบทนายที่สำนักงานทนายความครั้งแรก ตรวจสอบหรือขอดูบัตรทนายความ เป็นทนายจริงต้องมีใบอนุญาตครับ ถ้าได้พบกับทนายความแล้วก็ขอดูเลย ถ้าจะจ้างทนาย แต่คุณอยู่ไกลไม่สะดวกเดินทางไปพบทนายความ ให้ใช้วิธี facetime ปรึกษาสนทนากับทนายความได้เลย เพราะทนายความปัจจุบันก็ว่าความแบบ facetime กับศาลอยู่แล้ว เราใช้ line meeting, Zoom, Google meet. มีหลายช่องทางเลือกเอาครับ บัตรประชาชนทนาย บัตรทนายและชื่อในบัญชีธนาคารต้องตรงกันนะครับ เมื่อได้สนทนาแบบ facetime แล้วก็ขอบันทึกภาพทนายและบัตรทนายหรือบัตรประชาชนทนายไว้ด้วย ซึ่งปัจจุบันศาลของเราก็ใช่วิธีนี้ในการพิจารณาคดีผ่านระบบจอภาพครับ เราเริ่มใช้ระบบการพิจารณาคดีแบบออนไลน์นับแต่เรามีปัญหากับโรคระบาดโควิด 19 แล้วครับ 

    มีปัญหาเกี่ยวกับทนายความในเครือข่ายหรือปัญหาเรื่องคดีความต่างๆ โทรมาปรึกษาผมได้ก่อนเลย ผมเป็นทนายความนับแต่ปี พศ. 2531 ถึงปัจจุบัน ครับ 

    ขอบคุณที่เลือกใช้บริการเครือข่ายทนายความของเราครับ

ด้วยรักและห่วงใย จากผมทนายภูวงษ์ โพธิ์ไทร 

•           เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ไม่ต้องกังวลใจ

•           เตรียมเอกสารส่วนตัวให้พร้อม เช่นบัตรประจำตัวประชาชน พยานหลักฐานที่เกี่ยวกับคดีที่คุณจะไปพบพนักงานสอบสวน

•           กรณีมีหมายเรียก ดูหมายเรียกว่าทาจากสถานีตำรวจอะไร ให้ไปพบใคร วัน เวลาใหน ลงตารางนัดในมือถือ สมุดนัดเพื่อเตือนความจำ

•           กรณีหมายเรียกคุณไปเป็นพยาน ให้สอบถามพนักงานสอบสวน หรือไม่ก็ให้ส่งคำถามที่ต้องการจะสอบคำให้การของเรามาทำการบ้านก่อนไปพบพนักงานสอบสวนครับ

•           ไม่ว่าง ไม่สะดวกไป ขอเลื่อนนัดไปก่อนโดยโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุชื่อในหมายเรียก กำหนดวันนัดใหม่

•           กรณีอยู่ไกล ไม่สะดวกเดินทาง แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเราไม่สะดวดในการเดินทาง ให้ส่งหรือมอบหมายให้พนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจใกล้บ้านเป็นผู้สอบสวนแทนได้

•           กรณีไม่สบายใจ วิตก กังวล โทรปรึกษาทนายความเพื่อไปพบพนักงานสอบสวนด้วยกันกับคุณ (ค่าจ้างทนายครั้งละ 3-5000 บาทต่อครั้งที่ไปกับคุณ

•           กรณีไปพบพนักงานสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา ควรมีทนายความไปด้วยเสมอ เพราะเป็นการดำเนินคดีที่มีโทษทางอาญา ทนายความจะให้คำแนะนำถึงขั้นตอนต่างๆในกระบวนการสอบสวน

•           เมื่อได้รับหมายเรียกให้พบพนักงานสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา คุณควรจะเตรียมพยานหลักฐานให้พร้อมให้การต่อสู้คดี อย่าให้การเพียงแค่ “ขอให้การในขั้นศาล” เพราะคุณจะเสียโอกาสในการต่อสู้คดี

•           ร้องขอความเป็นธรรมสำคัญไหม สำคัญครับเพราะเป็นการเปิดประเด็นให้กับพนักงานสอบสวนได้รู้และเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน เพราะพนักงานสอบสวนสามารถมีความเห็นในทางคดีสั่งไม่ฟ้องก็ได้

•           ประสานงานกับพนักงานสอบสวน ขอเบอร์มือถือพนักงานสอบสวน เบอร์มือถือผู้กำกับการสถานตำรวจนั้นๆ ขอเบอร์สถานีตำรวจไว้ด้วย